สื่อต่างประเทศจับตาสถานการณ์การเมืองไทยที่กำลังเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตัดสินของศาลแพ่ง รวมถึงการเตรียมลงดาบนายกฯกรณีจำนำข้าว โดยตั้งข้อสังเกตว่าคำตัดสินของศาลแพ่งจะสร้างความลำบากให้กับรัฐบาลมากขึ้น และเวลาของนายกฯอาจกำลังหมดลง
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานคำตัดสินของศาลแพ่งล่าสุด ที่ห้ามรัฐบาลใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม โดยเอเอฟพีมองว่าคำตัดสินของศาลแพ่งดังกล่าว จะสร้างความยากลำบากให้กับรัฐบาลมากขึ้นในการจัดการสถานการณ์การชุมนุม แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลจะหลีกเลี่ยงไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมมาโดยตลอดก็ตาม
ด้านวอลสตรีทเจอร์นัล หนังสือพิมพ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ จับตามองไปที่คำขู่จะก่อกวนธุรกิจเครือชินวัตรของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส. ซึ่งประกาศให้คนที่ถือหุ้นกิจการเครือชิน คอร์ป รีบขายหุ้นทิ้งก่อนที่กิจการเหล่านี้จะถูกมวลมหาประชาชนคว่ำบาตร แต่วอลสตรีทเจอร์นัลมองว่านี่เป็นเพียงคำขู่ที่นายสุเทพใช้เป็นกลยุทธประจำ เช่นเดียวกับการประกาศจะตามไล่ล่าตัวนายกรัฐมนตรี ที่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีผลจริงจังแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม วอลสตรีทเจอร์นัลมองว่าวิกฤติการเมืองไทยกำลังเข้าสู่จุดสำคัญในวันนี้ นั่นก็คือการแสดงท่าทีของศาลแพ่งเรื่องการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล และการที่ปปช. เดินหน้าสอบสวนกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีส่วนพัวพันกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งหากนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกชี้มูลว่ามีความผิดจริง ก็จะถูกยื่นถอดถอนในวุฒิสภา โดยวอลสตรีทเจอร์นัลคาดว่ากระบวนการทั้งหมดน่าจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์จะเสร็จสมบูรณ์ ทำให้การเมืองทุกด้านบีบไปที่ตัวนายกฯและรัฐบาล จนมองเหมือนกับว่าเวลาสำหรับนางสาวยิ่งลักษณ์ใกล้จะหมดลงแล้ว
นอกจากนี้ วอลสตรีทเจอร์นัลยังมองอีกด้วยว่า นับจากนี้ไป สถานการณ์การเมืองในไทย ดูจะมีแนวโน้มการใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยมีเหตุการณ์ปะทะระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แม้ว่าในวันนี้ สถานการณ์จะค่อนข้างสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุปะทะกันเกิดขึ้นก็ตาม