ทำไมต้องตั้งศูนย์ล้อ
คงเคยทราบกันมาบ้างแล้วว่า วิธีชะลอการสึกหรอของยางรถยนต์นั้น สามารถทำได้โดย การหมั่นตรวจความดันลมยางให้ เหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป แต่ทราบหรือไม่ว่า การตั้งศูนย์ล้อที่ถูกต้องก็เป็นอีกวิธีที่สามารถยืดอายุของยางรถยนต์ได้ ดังนั้น จึงควรทำความรู้จักกับองค์ประกอบ ของศูนย์ล้อ ซึ่งมีการตรวจวัดด้วยกัน 4 มุมคือ
1. TOE-IN และ TOE-OUT
2. CAMBER
3. CASTER
4. KINGPIN
มุม TOE-IN มุม TOE-OUT
หมายถึง ลักษณะที่ยางคู่หน้าหุบเข้า หรือยางล้อหน้า ทั้งสองหันเข้าหากัน และ มุม TOE-OUT คือ ล้อหน้าทั้งสองหันออกจากกัน (ดูภาพตัวอย่างประกอบ) ถ้าล้อทั้งสองหันเข้าหากัน มากเกินไป หรือหันออกจากกันมากเกินไป จะทำให้หน้ายางทั้งสองเกิดการลื่นไถลเสียดสีไป ด้านข้างผลคือทำให้ดอกยางสึกอย่างรวดเร็ว หรือสึกไม่สม่ำเสมอมีลักษณะปลายดอกยาง ตวัดขึ้น เหมือนปลายขนนกตลอดหน้ายาง
มุม CAMBER
เป็นการเอียงของยางส่วนล่างหรือส่วนบน ถ้าส่วนล่างเอียงเข้าหากันเราเรียกว่ามุม CAMBER บวก (ดูภาพตัวอย่างประกอบ) การเอียง ยางส่วนบนกางออกในลักษณะ \ / เพื่อให้ยางรับ น้ำหนักบรรทุกได้พอดีกับหน้ายาง เมื่อใช้รถ ไปนานๆ มุมของ CAMBER อาจเปลี่ยนแปลง ไปได้ และถ้าเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่กำหนดไว้น้ำหนักจะกดลงที่ด้านนอกของยางมากกว่า ด้านในทำให้ยางสึกผิดปกติด้านเดียว
มุม CASTER
เป็นมุมที่ทำให้รถวิ่งตรงไปข้างหน้าได้ง่าย ดูตัวอย่างได้จากรถจักรยานขาที่ยึดล้อทั้งคู่จะเอียงไปด้านหน้าเห็นได้ว่ารถ จักรยานสามารถวิ่งไปโดยปล่อยมือได้ (ดูตัวอย่างภาพประกอบ)เปรียบได้กับ มุม CASTER ทั้งสองล้อต้องมีมุมเท่ากัน ซึ่งจะทำให้รถวิ่งไปข้างหน้าได้ตรงทาง ถ้ามุม CASTER ข้างใดน้อยกว่าอีกข้าง หนึ่งรถก็จะพยายามหันไปทางด้านน้อย ผู้ขับรถต้องพยายามขืนพวงมาลัยเสมอจะทำให้ยางสึกไม่เรียบเกิดการสึกของดอก ยางใน ลักษณะปลายตวัดเหมือนขนนก
มุม KINGPIN
เป็นตัวรับน้ำหนักจากรถไปยังล้อ และขณะเดียวกันก็เป็น พลาของศูนย์ล้อด้วยมุมของ KINGPIN มีส่วนสัมพันธ์กับมุมของ CAMBER มาก KINGPIN จะช่วยทำให้การบังคับพวง มาลัยทำได้ง่ายและเมื่อเลี้ยวไปแล้วพวงมาลัยสามารถคืนกลับมาได้เอง KINGPIN นี้เหมือน กับ CAMBERทำให้น้ำหนักรถกดลงที่ด้านนอกของยาง ถ้า KINGPIN ผิดพลาด ผลคือจะทำ ให้ยางสึกหรอด้านเดียว
ศูนย์ล้อที่ผิดพลาดจะทำให้อายุของยางลดลงอย่างรวดเร็ว สามารถสังเกตได้คร่าว ๆ จากความผิดปกติของการสึกหรอของยางแต่ศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้องไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า คนส่วนมากจึงไม่ค่อยสนใจซึ่งความจริงที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากส่วนหนึ่งดังนั้น จึงควรตรวจเช็คและตั้งศูนย์ล้อเป็นประจำทุกๆ 6 เดือน หรือภายหลังจากการทำการซ่อมช่วงล่างทุกครั้งเพื่อยืดอายุการใช้งานของยาง และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
ที่มา : bridgestone.co.th