การหายไปของเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซีย จนถึงตอนนี้หายไปนานกว่า 48 ชั่วโมงแล้ว และยังไม่สามารถสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ความคืบหน้าล่าสุดจากฝั่งเวียดนาม ระบุว่าพบวัตถุที่สงสัยว่าอาจจะเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินอยู่ในทะเลแต่ต้องรอการตรวจสอบเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ชิ้นส่วนที่เรือจากหน่วยค้นหาและกู้ภัยของเวียดนามพบมี 2 ชิ้น แต่เนื่องจากช่วงที่พบยังเป็นตอนกลางคืน ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินเอ็มเอช 307 (MH370) ที่หายไปจริงหรือไม่ โดยจุดที่พบอยู่ห่างจากเกาะ “โต ชู” ของเวียดนามไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 80 กม.ซึ่งตอนนี้ต้องรอการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินจริงหรือไม่ และก่อนหน้านี้ก็มีรายงานจากฝ่ายของเวียดนามว่าพบคราบน้ำมันขนาดใหญ่ 2 จุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้เกี่ยวข้องกับการที่เครื่องบินหายไป
ตอนนี้เรื่องราวของเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ที่มีผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นักบินนำเครื่องเลี้ยวกลับ ก่อนที่สัญญาณการติดต่อจะขาดหายไป นอกจากนี้ยังไม่มีสัญญานใดๆจากห้องนักบินว่าเกิดปัญหากับเครื่องบินจนต้องเลี้ยวกลับ ประกอบกับสภาพอากาศในเวลานั้นก็เป็นปกติดี ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบิน
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่าผู้โดยสารบนเครื่องอย่างน้อย 2 คนใช้หนังสือเดินทางปลอมของชาวอิตาลีและชาวออสเตรีย ซึ่งทางการมาเลเซียเชื่อว่ามีผู้ต้องสงสัย 4 คนบนเครื่องที่ใช้หนังสือเดินทางปลอม ข้อมูลเหล่านี้ทำให้สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ส่งเจ้าหน้าที่มาที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อช่วยกันตรวจสอบเรื่องนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานใดๆที่บ่งชี้ว่า การหายไปของเครื่องบินเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
ส่วนเรื่องของการค้นหาตอนนี้มี 9 ประเทศที่ระดมสรรพกำลัง โดยมีเรือทั้งสิ้น 40 ลำ เครื่องบินอีก 34 ลำ โดยพื้นที่การค้นหาอยู่ในทะเลจีนใต้ และช่องแคบมะละกาที่กั้นระหว่างมาเลเซียกับอินโดนีเซีย โดยกินพื้นที่กว้างประมาณ 10,000 ตร.กม.
ทั้งนี้เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซีย ออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่งของจีน ตามกำหนดเครื่องบินออกจากสนามบินที่กัวลาลัมเปอร์เวลา 23.41 น.ของคืนวันศุกร์ที่ 7 มี.ค.โดยเครื่องบินจะต้องถึงกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในตอนเช้าเวลา 5.30 น.ของวันเสาร์ที่ 8 มี.ค.แต่ปรากฏว่าหลังจากเครื่องบินออกจากต้นทางได้ไม่นานก็ขาดการติดต่อเวลา 24.30 น.
โดยจุดที่ขาดการติดต่ออยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นจุดที่มีการค้นหา แต่เมื่อมีรายงานว่าเครื่องบินหันหัวกลับ ซึ่งอาจจะกลับไปที่กัวลาลัมเปอร์ จึงขยายขอบเขตการค้นหามาที่ช่องแคบมะละกาด้วย ซึ่งจุดนี้อยู่ตรงกลางระหว่างประเทศมาเลเซียกับอินโดนีเซีย