(4 ก.ย.) กรณีลูกชายเจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังประสบเหตุขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิต เมื่่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (3 ก.ย.) จนกลายเป็นประเด็นข่าวที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันตลอดทั้งวัน ซึ่งในเวลาต่อมา นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ลูกชายคนเล็กของ นายเฉลิม อยู่วิทยา ก็ยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่ามกลางกระแสข่าวมากมายๆ ทั้งจับแพะหรือเมาแล้วขับ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ให้เวลากว่า 5 ชั่วโมงในการสอบสวน นายวรยุทธ ผู้ต้องหาในการก่อเหตุดังกล่าว โดยได้ให้การกึ่งยอมรับกึ่งปฏิเสธว่า เป็นผู้ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ ตรงจุดเกิดเหตุจริง เพราะรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตได้ขับปาดหน้ารถตนเอง จึงทำให้หักหลบไม่ทัน ประกอบกับหลังเกิดเหตุแอร์แบคเกิดแตก ทำให้เกิดควันจนตนเองไม่ทราบว่าได้ลากร่างและจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาด้วย

นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำตระกูลอยู่วิทยา ได้เปิดเผยรายละเอียดของเหตุการณ์กับสื่อมวลชนว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ หลังจากเกิดเหตุ นายเฉลิม ได้ติดต่อให้ตนเองไปพบที่บ้านพักเพื่อขอปรึกษาด่วน เมื่อมาถึงที่บ้านจึงทราบเรื่องของ นายวรยุทธ ลูกชายคนเล็กของตระกูล ตนจึงได้แนะนำให้มอบตัวกับตำรวจ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด

สำหรับสาเหตุที่ นายวรยุทธ ขับรถกลับเข้าบ้านพักทันที หลังจากเกิดเหตุดังกล่าว เป็นเพราะความตกใจของเด็ก จึงรีบกลับไปปรึกษากับผู้ใหญ่ ไม่ได้หลบหนีหรือมีการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนมาขับขี่รถยนต์แต่อย่างใด ส่วนเรื่องผิดหรือถูกหรือไม่ ขึ้นอยู่เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวน แต่ไม่ว่าเช่นไรฝ่ายผู้ต้องหายินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมด

ส่วนกรณีที่ นายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี พ่อบ้านดูแลโรงรถของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งก่อนการมอบตัวของ นายวรยุทธ ได้อ้างตัวว่าเป็นผู้ขับขี่รถยนต์จนเกิดเหตุ จนต่อมากลายเป็นกรณีจับแพะ ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ของ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ทันที กรณีนี้ นายสมัคร ทนายความประจำตระกูลปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน และภายหลัง นายสุเวศ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาให้การเท็จและดำเนินคดี

ขณะที่ด้าน นายเฉลิม อยู่วิทยา ที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพงานศพ ดต.วิเชียร ทุกคืน เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เดินทางไปร่วมพิธีรดน้ำศพที่วัดธาตุทอง ศาลา 10 โดยได้ยกมือไหว้ขอโทษและแสดงความเสียใจแก่ญาติของผู้เสียชีวิต ยินดีที่จะช่วยเหลือรับผิดชอบทุกอย่าง และให้คดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอย่างเป็นธรรม

นายเฉลิม ยังเปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้นๆ ว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายได้นำรถเฟอร์รารี่คันที่เกิดเหตุ ออกไปวอร์มเครื่องและทดลองขับบนถนนตั้งแต่ช่วงเช้ามืดเท่านั้น เพราะยังเป็นช่วงที่ยังมีรถสัญจรไปมายังไม่มาก แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ทำให้รู้สึกเสียใจ ลูกชายตนเองก็เสียใจเช่นกัน พร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง