สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การปะทุระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ที่ขณะนี้ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 961 ราย อาจมีพาหะแพร่เชื้อมาจากผู้ป่วยเด็กหญิงน้อยวัย 2 ปีในกิเนีย เมื่อปีที่แล้ว โดย

เด็กรายนี้ได้ติดเชิ้ออีโบลา เมื่อ 8 เดือนก่อน และได้แสดงอาการออกมา 4 วันหลังติดเชื้อ ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2013 โดยยังไม่ทราบสาเหตุว่า เธอติดเชื้ออีโบลาจากคนหรือสัตว์ ซึ่งสามารถแพร่เชื้ออีโบล่าสู่มนุษย์ได้ผ่านน้ำย่อยและเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ แม่ของเด็กก็เกิดอาการอวัยวะภายในตกเลือดและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. เช่นเดียวกัน รวมทั้งพี่สาววัย 3 ปี ซึ่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. และยังลามไปถึงยายของเธอ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 ม.ค.

 

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลังจากนั้นเชิ้ออีโบลาได้ระบาดไปนอกหมู่บ้านหลังจากผู้คนได้เข้าร่วมพิธีศพของยายชาวกิเนีย โดยมีผู้ติดเชื้อ 2 รายได้นำเชื้อไปยังหมู่บ้านของเขา ก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสมาชิกครอบครัวหนึ่งที่ดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อ

 

และต่อมาเชื้ออีโบลาได้แพร่ระบาดอย่างกระจุกตัวในพื้นที่เหล่านี้ ก่อนที่แพทย์ไร้พรมแดนจะได้แจ้งภาวะการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศได้เดินทางมายังพื้นที่ดังกล่าว และได้เริ่มย้อนรอยการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา จากการตรวจเช็คประวัติผู้ป่วยในโรงพยาบาล และสอบถามครอบครัวและชาวหมู่บ้านกิเนียที่ติดเชื้อ จากนั้น เชื้ออีโบลาได้ระบาดข้ามพรมแดนอย่างกว้างขวางในไลบีเรีย เชียร์ร่า ลีโอน และไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไลบีเรีย

 

ทั้งนี้ ล่าสุด องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทั่วโลกเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาแล้ว หลังจากได้แพร่ลามไปยังพลเรือนชาวยุโรป ได้แก่ แพทย์และมิชชั่นนารีอเมริกัน และบาทหลวงชาวสเปน รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลายสิบคนที่ติดเชื้อนี้จากการรักษาผู้ป่วยอีโบลาในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก และในประเทศไนจีเรีย