ละครธรณีนี่นี้ใครครอง

ละครธรณีนี่นี้ใครครอง

 

บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์
บทโทรทัศน์ ปารดา กันตพัฒนกุล
กำกับการแสดง ป้าแจ๋ว ยุทธนา ล.พันธ์ไพบูลย์
ผู้จัด ธิติมา สังขพิทักษ์ โดย บริษัทโนพรอบเล็มจำกัด

เรื่องย่อ

เมื่อ อาทิจ เรียนจบวิทยาลัยเกษตร เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆได้เรียนบ้าง หลังจากที่น้องๆ ได้เสียสละหยุดเรียนเพื่อให้เขาได้เรียนมาแล้ว อาทิจเป็นลูกชายคนโตในครอบครัวของ ประวิทย์ ปลัดอำเภอผู้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และ พูนทรัพย์ แม่ค้าและแม่บ้านที่แสนจะขยันขันแข็ง อาทิจมีน้องเก้าคน เขาจึงมีความจำเป็นต้องหางานทำให้เร็วที่สุด เพื่อจะนำเงินมาส่งเสียน้องๆช่วยพ่อแม่อีกทาง

อาทิจไม่คิดที่จะทำงานราชการอย่างพ่อ เขาใฝ่ฝันที่จะมีที่ดินเป็นของตัวเองสักแปลงเพราะต้องการใช้วิชาความรู้ที่ได้เรียนมาให้เกิดประโยชน์ พ่อตัดสินใจส่งตัวเขากลับไปหาย่าแดง เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ในอดีตพ่อ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตได้ขโมยเงินย่าแดงหนีออกจากบ้านเพราะไม่ต้องการทำงานหนักในไร่

ย่าแดงยินดีต้อนรับอาทิจ เพราะในจำนวนลูกหลานทั้งหมดต่างก็เป็นหลักเป็นฐานไปหมดแล้ว ไม่มีใครรับช่วงงานในไร่ซึ่งมีมหาศาลทำต่อ อาทิจรับเงื่อนไขของย่าคือต้องทำงานที่สวนโดยไม่ได้รับเงินเดือน แลกกับการที่ย่าจะส่งเสียน้องๆเรียนต่ออย่างเต็มใจ เพราะนอกจากจะได้ทำงานที่ตัวเองรักแล้ว น้องๆยังได้เรียนต่อและที่สำคัญที่สุดคือ เขาต้องการไถ่โทษให้พ่อสำหรับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา

อาทิจทำงานที่สวนอย่างขยันขันแข็ง ย่าแดงเห็นว่าอาทิจมีความมุมานะและตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง จึงมอบที่ดินที่ยังไม่ได้บุกเบิกให้อาทิจ ๑ ไร่ เพื่อใช้ปลูกผักตามที่อาทิจต้องการ นั่นทำให้ ดรุณี ซึ่งเป็นน้องสาวคนสุดท้องของย่าแดง ซึ่งไม่ถูกชะตาและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาทิจตลอดเวลาอยู่แล้ว เหม็นขี้หน้าอาทิจหนักขึ้นไปอีก ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะดรุณีมีปมในใจกลัวว่าอาทิจจะมาแย่งความรักจากย่าแดงไป เธอรู้ความจริงว่าเธอเป็นเพียงลูกที่เกิดจากเมียคนสุดท้ายของพ่อย่าแดง และพ่อของย่าแดงก็ไม่ใช่พ่อเธอ เธอจึงไม่ได้มีสายเลือดผูกพันกับย่าแดงเลยแม้แต่น้อย ย่าแดงเอาเธอมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะเพียงเพราะสงสาร ซึ่งต่างจากอาทิจที่เป็นสายเลือดของคุณย่าโดยตรง ดรุณีจึงคอยหาเรื่องอาทิจ ในขณะที่อาทิจเองก็ไม่ยอมลงให้ดรุณีเพราะเห็นว่าดรุณีไม่มีเหตุผล แถมยังเอาแต่ใจตัวเองและชอบทำตัวเป็นเด็ก ทั้งคู่ทะเลาะตอบโต้กันทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้ย่าแดงปวดหัวไม่น้อยที่หลานรักทั้งสองไม่ลงรอยกัน

อาทิจตั้งใจทำงานพัฒนาสวน และอยากทดลองปลูกผักผลไม้หลายๆอย่างตามประสาเด็กหนุ่มไฟแรง แต่ความที่เป็นคนต่างถิ่นและไม่คุ้นเคยกับพืชพันธุ์บางอย่างทำให้อาทิจไปขุดเอาหน่อกล้วยป่ามาปลูกในไร่ที่บุกเบิกใหม่ ดรุณีและ ไพฑูร ซึ่งเป็นหลานห่างๆของย่าแดงรู้เรื่องนี้อยู่เต็มอก แต่ไม่มีใครทักท้วงอาทิจแถมยังสั่งห้ามคนงานในไร่บอกความจริงอาทิจ เพราะหวังจะให้อาทิจเสียหน้า

อาทิจมารู้ความจริงว่าตัวเองเอากล้วยป่าซึ่งนำไปขายไม่ได้เลยมาปลูก ก็เมื่อเขาปลูกมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวัง เสียหน้า และเจ็บใจเหมือนตัวเองผลัดหลงเข้ามาอยู่ในที่ที่มีแต่คนแปลกหน้า จึงหันไประบายกับเหล้า หวังจะให้เหล้าช่วยทำให้ลืมความเจ็บปวดในใจได้บ้าง แต่ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นไปอีก เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองเสียท่า ทองประศรี ลูกสาวเจ้าของร้านขายของชำ ทองประศรีโวยวายว่า อาทิจข่มเหงเธอและขอให้อาทิจรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น

อาทิจป่วยหนัก ย่าแดงจึงลงโทษดรุณีด้วยการให้หญิงสาวดูแลอาทิจเป็นการตอบแทน ด้วยการเช็ดตัว จัดยา ทำกับข้าว กวาดถูบ้านหรือแม้แต่ซักผ้า ดรุณีจำต้องกัดฟันทำทุกอย่างให้ชายหนุ่ม เพราะลึกๆในใจ หญิงสาวก็รู้สึกผิดที่ทำให้อาทิจต้องป่วยหนัก

เมื่ออาทิจอาการดีขึ้น ความเก่าก็รุกเข้ามารุมเร้าเขา เมื่อ สิงห์ทอง คำมา ซึ่งเป็นพ่อแม่ของทองประศรีพาหญิงสาวมาเอาเรื่องอาทิจ และบังคับให้อาทิจรับลูกสาวเป็นเมีย อาทิจต้องฝืนใจแต่งงานกับทองประศรีเพราะ วิไลลักษณ์ ที่เป็นภรรยาของ ประเวทย์ ซึ่งเป็นผู้ว่าฯและมีศักดิ์เป็นอาของอาทิจ มาเกลี่ยกล่อมให้อาทิจเห็นแก่ย่าแดงและหน้าที่การงานของญาติๆทุกคน ย่าแดงจัดการแต่งงานให้อาทิจกับทองประศรีตามสมควรแก่ฐานะ เข้าทางวิไลลักษณ์ที่ต้องการกำจัดอาทิจออกไปให้พ้นทาง เวทางค์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพราะต้องการให้ลูกชายลงเอยกับดรุณีเพื่อหวังมรดกก้อนโตของย่าแดง

ย่าแดงเสียใจเรื่องอาทิจอย่างที่สุด เพราะเคยหวังไว้ว่าถ้าอาทิจกับดรุณีรักและลงเอยกันได้ ก็จะมีคนสืบทอดอาชีพเกษตรกรและมีคนทำกินบนผืนดินที่ตนเองรักสืบไป แต่เมื่อเรื่องมันไม่เป็นอย่างที่ฝันไว้ ย่าแดงจึงได้แต่ทำใจ ในขณะที่ดรุณีเองก็รู้สึกผิด หญิงสาวรู้ว่าความยุ่งยากทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเธอคนเดียวแท้ ๆ ที่เป็นต้นเหตุ

ทองประศรีย้ายมาอยู่ที่บ้านพักอาทิจ อาทิจตัดปัญหาด้วยการย้ายออกมาอยู่ที่บ้านพักคนงานและตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานโดยบุกเบิกทำไร่ข้าวโพดและกะหล่ำปลี โดยมีย่าแดง

สนับสนุนในเรื่องทุนและลงมาช่วยดูแลอย่างเต็มที่ รวมทั้งดรุณีที่ลงมาช่วยปลูกผักช่วยรดน้ำด้วยตัวเอง อาทิจและดรุณีเริ่มพูดกันดีๆมากขึ้น แต่ก็ยังมีทองประศรีและเวทางค์คอยเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งดรุณีสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และต้องแยกไปเรียนที่กรุงเทพฯ กับเวทางค์ และวิยะดา น้องสาวเวทางค์ ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะแน่นแฟ้นขึ้นก็มีอันต้องห่างหายกันไป แต่ก็ไม่ถึงกลับขาดจากกันซะทีเดียวเพราะย่าแดงจะใช้ให้อาทิจคอยเขียนจดหมายและตอบจดหมายดรุณีที่มีมาเสมอ

ถึงเวลาปิดเทอม ดรุณีขึ้นมาที่สวนคุณย่า ก็พบว่าทองประศรีคลอดลูกแล้ว แต่ทุกคนก็รู้กันว่า ไม่น่าจะใช่ลูกอาทิจ เพราะเด็กคลอดตามอายุครรภ์ปกติ ๙ เดือน ในขณะที่อาทิจและทองประศรีเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึง 7 เดือน ดรุณีรู้ความจริงเรื่องนี้ก็ได้แต่สงสารอาทิจ ยิ่งอาทิจไม่พูด ดรุณียิ่งสงสาร หญิงสาวจึงพยายามทำดี พูดดีกับอาทิจเพื่อเป็นการไถ่โทษ การช่วยกันทำงาน การใส่ใจดูแลในเรื่องเล็กๆน้อยๆของดรุณี ทำให้อาทิจรู้สึกประทับใจโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ต้องตัดความรู้สึกดีๆออกไปจากใจทุกครั้ง เมื่อ เวทางค์ ก้าวเข้ามายืนเคียงข้างดรุณี

อาทิจขอย่าแดงปลูกข้าว ปีแรกล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเพราะพายุโหมกระหน่ำฝนตกหนักน้ำพัดเข้านาจนนาล่ม อาทิจถึงกับท้อ แต่คนที่ทำให้เขามีกำลังใจสู้ขึ้นมาอีกครั้งก็คือ ย่าแดงย่าหลานช่วยกันสานต่อความฝันเรื่องนาข้าวร่วมกันอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ขึ้นอย่างงดงามสมใจ ในวันที่ข้าวออกรวงงดงาม อาทิจเข้าไปบอกข่าวย่าด้วยความดีใจ ย่าแดงปลื้มใจจนน้ำตาไหลและจากไปด้วยรอยยิ้ม อาทิจรู้สึกเหมือนฟ้าฟาดลงมากลางใจที่จากนี้ไป ไม่มีร่มโพธิ์ร่มไทรอยู่กับเขาแล้ว

อาทิจให้ น้าแก้ว คนสนิทของย่าแดง ส่งข่าวให้ดรุณีรู้ ดรุณีรีบกลับมาที่สวนคุณย่า หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญอย่างคนหัวใจสลายเมื่อรู้ว่าคนที่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งย่าจากไปโดยไม่มีโอกาสได้ร่ำลา อาทิจอยากเข้าไปปลอบดรุณี แต่ก็ไม่มีโอกาสเพราะเวทางค์ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว

ทนายความเข้ามาเปิดพินัยกรรมฉบับแรก ย่าแดงสั่งเสียให้อาทิจเป็นผู้ปกครองดูแลดรุณีจนกว่าจะเรียนจบ แล้วจึงจะให้เปิดพินัยกรรมฉบับที่สอง อาทิจอยู่ที่สวนย่าแดงอย่างเจียมตัวเพราะเข้าใจว่าเมื่อดรุณีเรียนจบ คุณย่าคงยกทุกอย่างให้ดรุณี ในขณะที่ดรุณีก็คิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่าคุณย่าต้องยกทุกอย่างให้อาทิจ

คำสั่งในพินัยกรรมทำให้อาทิจเข้ามาดูแลดรุณีใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งคู่เกิดความรู้สึกดีๆต่อกันมากมาย แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจเพราะคำว่า “ผู้ปกครอง” กับ “เด็กในความปกครอง”และยิ่งวิไลลักษณ์มาคอยเป่าหูว่า ย่าแดงหมายมั่นจะให้เวทางค์กับดรุณีแต่งงานกันเพื่อดูแลสวนคุณย่าร่วมกัน ยิ่งทำให้อาทิจรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกหนักขึ้นไป

ดรุณีแนะนำให้อาทิจรู้จักเพื่อนสนิทคือตุ่นหรือตุลญาณี ตุ่นดีใจมากมายเพราะเธอเคยเห็นอาทิจหลายครั้งและเรียกอาทิจว่าผู้ชายในฝัน โดยไม่รู้ว่าอาทิจเป็นคนคนเดียวกับพี่ชายที่ดรุณีคอยเชียร์ให้เธออยู่ตลอดเวลา ตุ่นหลงรักอาทิจอย่างหัวปักหัวปำ หญิงสาวขึ้นมาเที่ยวที่สวนคุณย่าเมื่อเรียนจบตามที่ดรุณีชวน ดรุณีเปิดโอกาสให้ตุ่นใช้เวลาอยู่กับอาทิจอย่างเต็มที่ อาทิจเขินสุดๆที่มีผู้หญิงซึ่งเป็นถึงดาวของมหาวิทยาลัยมาคอยเดินตามและเอาอกเอาใจสารพัด แรกๆชายหนุ่มก็ห่วงความรู้สึกของดรุณี แต่เมื่อดรุณีทำเหมือนอยากอยู่กับเวทางค์ และกันเขาออกไปกับตุ่น อาทิจจึงต้องตัดใจ เพราะคิดว่าดรุณีคงชอบเวทางค์จริงๆ ดรุณีเองก็รู้สึกแปลกใจทุกครั้งที่เห็นอาทิจออกไปเที่ยวกับตุ่น ทำไมหัวใจตัวเองถึงได้ร้อนวูบวาบนัก แต่ก็พยายามย้ำบอกตัวเองซ้ำๆว่าเธอจะต้องแก้ไขเรื่องในอดีตที่ผ่านมาให้ได้เธอเคยทำให้อาทิจต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แต่ครั้งนี้เธอจะทำให้เขาสมหวังกับคนที่เขารักและรักเขาให้ได้

ความสัมพันธ์ที่ผิดฝาผิดตัวของทั้งสองคู่ทำให้น้าแก้วอดรนทนไม่ไหว เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าย่าแดงต้องการให้อาทิจกับดรุณีลงเอยกัน น้าแก้วจึงไปขอร้องทองประศรีซึ่งถูกอาทิจจับได้ว่ามีชู้และถูกไล่ออกไปจากบ้านให้กลับมาช่วย ในวันที่อาทิจจะพาตุ่นไปซื้อแหวนหมั้น ทองประศรีก็อุ้มลูกเข้ามาประกาศต่อหน้าตุ่นว่า ตัวเองเป็นเมียของอาทิจและมีลูกด้วยกันแล้ว ขอให้ตุ่นเห็นใจผู้หญิงด้วยกันและเด็กตาดำๆ อย่าพรากพ่อพรากลูกจากกันเลย

ตุ่นเสียใจหนักเพราะความรักครั้งแรกมีอันต้องพังทลายลง หญิงสาวจึงหนีกลับกรุงเทพฯโดยไม่เปิดโอกาสให้อาทิจชี้แจงเรื่องทองประศรี อาทิจเองก็เสียใจไม่แพ้กันที่ตัวเองผิดหวังเรื่องความรักครั้งแล้วครั้งเล่า ดรุณีอาสาเป็นกาวใจให้อาทิจกับตุ่น ทั้งๆที่ตัวเองรู้ซึ้งแก่ใจแล้วว่า รักอาทิจมากมายเพียงใด ดรุณีมาหาตุ่นที่กรุงเทพฯ อธิบายให้ตุ่นเข้าใจเรื่องอาทิจกับทองประศรี ตุ่นเองก็ยังรักและตัดใจจากอาทิจไม่ได้ จึงเปิดโอกาสให้อาทิจมาง้อ

ดรุณีกลับมาบอกข่าวดีกับอาทิจ ทั้งคู่เตรียมจะลงไปหาตุ่น แต่แล้วอาทิจก็โดนงูกัดและล้มป่วยลงซะก่อน ดรุณีโทรศัพท์บอกตุ่น ตุ่นเป็นห่วงอาทิจจะตามขึ้นไปดูแล แต่ก็ถูกเวทางค์ขับรถเฉี่ยวจึงไม่ได้ไป ดรุณีจึงต้องดูแลอาทิจแทน อาทิจซาบซึ้งใจที่ดรุณีช่วยชีวิตเขาด้วยการดูดพิษงูให้ และตลอดเวลาที่เขาป่วย หญิงสาวก็ทำงานแทนเขา ดูแลและเอาใจใส่เขา เป็นความรู้สึกดีๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน

ฟากตุ่นก็หงุดหงิดหนักที่ไม่ได้ขึ้นมาดูแลอาทิจ จึงใส่อารมณ์กับคนที่ทำให้เธอนอนเดี้ยงอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งก็คือเวทางค์ไม่ว่างเว้น วิยะดาแปลกใจที่เวทางค์ทนรับอารมณ์ของตุ่นได้ ดรุณีลงมาเยี่ยมตุ่น พยายามจะนัดวันที่อาทิจจะลงมาหาตุ่นให้ได้ ตุ่นบอกไม่ต้องลงมาเพราะเธอจะขึ้นไปขอคำตอบจากเขาเอง เรื่องที่เคยฝันไว้ด้วยกัน เรื่องที่อาทิจได้ทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอกและเธอก็จะตามเขาไปเรียนด้วยเช่นกัน ถ้าอาทิจตกลง เธอจะลืมเรื่องในอดีตทั้งหมดและแต่งงานกับเขาทันที ดรุณีแสดงความยินดีกับอาทิจล่วงหน้า และขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่อาทิจสร้างไว้ที่สวนคุณย่า ดรุณีจะสานต่องานทั้งหมดที่อาทิจทำไว้ พร้อมกับอวยพรให้อาทิจมีความสุขกับความรักและครอบครัวอันอบอุ่นกับตุ่น

อาทิจรู้สึกหนักใจที่สุดในชีวิต แต่..ชายหนุ่มก็มีคำตอบให้กับชีวิตแล้วเช่นกัน

สุดท้ายเรื่องราวความรัก ของอาทิจกับดรุณีจะลงเอยกันอย่างไรนั้น ต้องติดตาม

——————-จบบริบูรณ์————————–

คาแรกเตอร์ตัวละคร

อาทิจ หนุ่มนักเรียนเกษตรจบมาหมาด ๆอายุราว 20 เมื่อเริ่มเรื่องหล่อมาก…..คนเข้ม หุ่นงามสมชาย อุดมการณ์ชัดเจน ซื่อ จริงใจ ศักดิ์ศรีในตัวเองเพียบ กตัญญู อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับทุกคนได้ถ้าคนนั้นดีด้วยก็ดีตอบ ถ้าร้ยมาก็ร้ายตอบ เวลางอนหรือน้อยใจแล้วน่าหยิกจริง ๆ

ดรุณี น้องสาวคนสุดท้องของย่า อายุราว 17 เมื่อเริ่มเรื่องน่ารัก เป็นที่รักของทุกคนเพราะถือว่าตัวเองเป็นรองจากย่าแดง จึงเหมือนไม่ยอมลงให้ใคร ถ้าใครจะมาแซงหน้า เวลาขี้ประจบเอาใจน่ารักมาก แต่เวลาเอาเรื่องก็น่า เขกหัวเหมือนกัน หวานเป็นหญิงไทย แต่ขณะเดียวกันก็ทรนง พร้อมที่จะมีชีวิตเป็นตัวของตัวเอง

ย่าแดง อายุราว 70 ใจดี ฉลาดล้ำ เพราะเห็นโลกมามาก ชีวิตผ่านความลำบากมาไม่น้อย มองโลกในแง่ดี มีความคิดที่ไม่เหมือนใคร มองคนทะลุปรุโปร่ง ชีวิตมีระเบียบแบบแผน ที่ตั้งอยู่บนความเรียบง่าย เป็นที่รักของทุกคน มีอำนจในตัวเองที่ทุกคนต้องเกรงใจ

น้าแก้ว แม่บ้านอายุราว 60 เป็นญาติห่าง ๆ ปลายแถวของคุณย่าเหมือนคนใช้ก็เหมือน เหมือนญาติก็ใช่ สาระแน (ในทางสร้างสรรค์) ปากคอเลาะร้ายพอสมควร จริงใจ แน่แน่วอยู่อย่างเดียวคือต้องให้อาทิจ – ดรุณี ลงเอยกันให้ได้ เล่ห์กลของน้าแก้ว แต่ละครั้งที่งัดขึ้นมาใช้จึงดูเหมือนเจ๋งไปทุกทีไป

ตุลญาณี หรือ “ตุ่น” เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของ ดรุณี ตุ่นเป็นผู้หญิงสวย อินเทรนด์ น่ารัก พูดจาอ่อนหวาน ช่างคิดช่างฝัน จึงเป็นที่สะดุดตาของบรรดาหนุ่มๆในมหาวิทยาลัยและเป็นที่สะดุดใจของใครทุกคนที่ได้มีโอกาสคุยกับเธอ ใครๆก็ตกหลุมรักเธอไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เธอจึงมีคุณสมบัติครบถ้วนของการเป็น “ดาวมหาวิทยาลัย”

เวทางค์ ลูกพี่ลูกน้องของอาทิจ อ่อนปีกว่าอาทิจ เรียนรัฐศาสตร์ ความที่เป็ฯลูกผู้ว่าฯ ทำให้รู้จัก แต่การใช้ชีวิตหรูหรา ถือตัว ฟุ่มเฟือย วางอำนาจ ขี้โอ่ ทั้งที่ภายในกลวงโบ๋ แต่ละเดือนเงินแทบจะไม่พอใช้ ต้องคอยไถพ่อแม่เสมอ เวทางค์มาจีบดรุณีเพราะหวังจะได้สมบัติจากคุณย่า เพราะ พ่อ –แม่ บอกว่าคุณย่าต้องยกทุกอย่างให้ดรุณีแน่

วิยะดา น้องเวทางค์ อายุพอ ๆ กับดรุณี นิสัยพื้นฐานไม่ต่างจากเวทางค์ พูดมากถือตัว ฟุ่มเฟือย นำสมัย จับจรด พ่อแม่ พยายามเชียร์ให้จับอาทิจ แต่วิยะดาไม่เอาเพราะถึงอาทิจจะหล่อยังไง วิยะดาก็ทำใจกับความเป็นหนุ่มบ้านนอกไม่ทะเยอทะยานหรูหราของอาทิจไม่ได้

ประวิทย์ พ่อของอาทิจ อายุราว 50 แก่ขนาดนี้ยังเป็นแค่ปลัดอำเภอเพราะความประจบประแจงไม่เป็น เป็นคนซื่อ ภูมิใจในความเป็นคนของตัวเอง มักต่อสู้กับความจนของตัวเองมานาน ลูกมาก 10 คน มองโลกในแง่ดี ทั้งที่มีบาปในใจอยู่ตลอดเวลา ที่ขโมยเงินแม่หนีออกมาสร้างขีวิตใหม่ให้ตัวเอง

พูนทรัพย์ แม่อาทิจ อายุราว 45 เป็นเมียข้าราชการที่เจียมตัว ขยันมาก วัน ๆ ไม่มีเวลาว่างเลย เห็นคุณค่าของทุกอย่างรอบตัว ไม่ทะเยอทะยาน เป็นเมียที่ดี ไมมีคราบความเมียบปลัด(คุณนาย) ช่วยผัวสุดกำลังในการเลี้ยงลูกหาเงินจุนเจือครอบครัวมองโลกแง่ดีไม่เห็นความลำเค็ญคืออุปสรรคในการดำเนินชีวิต

ทองประศรี สาวชาวบ้าน ใฝ่สูง แร่ด อยากมีผัวหล่อ ปิ๊งอาทิจตั้งแต่แรกพบ ยิ่งรู้ว่าอาทิจเป็นหลานคุณย่า ยิ่งอยากได้เป็นผัว ไม่มีการศึกษา เซ็กส์จัด วัน ๆ ไม่ยอมทำอะไร แต่งตัวสวยอย่างเดียว อารมณ์รุนแรง ปากจัด เป็นที่น่ารังเกียจของผู้ชายที่มีสติ

รายชื่อนักแสดง ธรณีนี่นี้ใครครอง

ณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท อาทิจ
อุรัสยา เสปอร์บันด์ “ ดรุณี
สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย “ วิยะดา
สาวิตรี สุทธิชานนท์ “ ตุลยานี
วิวิศน์ บวรกีรติขจร “ เวทางค์
เฉลิมพล ทิฆัมพรธีระวงศ์ “ อึ่ง
กนกพงศ์ อนุรักษ์จรรยง “ พัน
เอ เชิญยิ้ม “ ต๊อด
ดวงตา ตุงคะมณี “ ย่าแดง
ดารณีนุช โพธิปิติ “ น้าแก้ว
รุ้งทอง ร่วมทอง “ วิไลลักษณ์
เวนย์ ฟอลโคเนอร์ “ ประเวทย์
เบญจพล เชยอรุณ “ ไพฑูร
ตี๋ ดอกสะเดา “ เกร็ง
ศิรินุช เพชรอุไร “ คำมา
ศานติ สันติเวชกุล “ สิงห์ทอง
จาตุรงค์ โกลิมาศ “ ทองใบ
วีรชัย หัตถโกวิทย์ “ ยรรยง
ขวัญชีวา เอี่ยมสะอาด “ จิ๋วแจ๋ว