หลังจากที่นักแสดงสาว แคท แคทรียา อิงลิช ได้สูญเสียคุณพ่อเดวิด คริสโตเฟอร์ อิงลิช ชาวอังกฤษ ด้วยโรคมะเร็งสมองด้วยวัย 61 ปี เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ และในช่วงเวลา 16.00 น. แคทรียา อิงลิช ได้เคลื่อนศพของคุณพ่อเดวิด เพื่อรดน้ำศพ ณ วัดพระไกรสีห์ ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า มีเพื่อนพ้องในวงการบันเทิงได้ส่งพวงหรีดร่วมไว้อาลัยกันอย่างเนืองแน่น สาวแคท ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตากับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวอิงลิชว่า

“คุณพ่อจากไป ตอนช่วงเช้า เวลา 03.05 น. คือจริงๆ ท่านเริ่มแผ่วตอน 02.50 น. ซึ่งช่วงนั้นแคทกำลังจะกลับบ้าน เพราะตั้งใจว่าจะไปเก็บเสื้อผ้า เพื่อมานอนที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนท่าน แต่ปรากฏว่าพอมาถึงรถ รถกลับถูกล็อคล้อเอาไว้ แคทก็เลยตัดสินใจว่าให้ที่บ้านเอามาให้แทนละกัน จากนั้นแคทก็ขึ้นไปอยู่กับคุณพ่อต่อ จนถึงช่วงตีสองกว่าๆ ขณะที่แคทกำลังอ่านบทละครแคทก็เหลือบไปมองพ่อก็เห็นว่าท่านหายใจหอบเหมือนคนมีเสลด ก็เลยเรียกพยาบาลขึ้นมดูดเสลดให้ท่าน หลังจากนั้นแคทก็นั่งดูอาการต่อไปจนรู้สึกเหมือนกับว่า มันผิดปกติมากเนื่องจากระยะเวลาที่ท่านหายใจเข้าและออกมาใช้เวลานานมากจริงๆ ซึ่งเป็นอย่างนั้นอยู่ 2-3 ครั้ง จนตอนที่ท่านหายใจเข้าครั้งสุดท้าย มันแผ่วมากแล้วพอหายใจออกปุ๊บ ท่านก็ไม่หายใจอีกเลย (สะอื้น)

“แคทก็เลยตะโกนบอกแม่ ตะโกนบอกน้อง ว่าพ่อไม่หายใจเข้าเลย แคทก็เลยให้พยาบาลมาช่วยพยุงท่านนอนตะแคงซึ่งเป็นท่าที่ท่านชอบนอน พอพยุงปุ๊บชีพพจรท่านเต้นแผ่วมาก จนพยาบาลต้องบอกว่าให้พวกเราทำใจได้แล้ว เพราะท่านจะไปแล้ว จากนั้นท่านก็ไม่หายใจอีกเลย (ร้องไห้) คือตอนนั้นแคทบอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ จะไม่เสียใจให้ท่านเห็น แล้วแคทก็คุยกับท่านว่า พ่อเข้มแข็งมาก พ่อจำได้ไหมที่เราไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน พ่อเอาความรู้สึกดี ๆ เอาความทรงจำนี้เก็บไว้นะ พ่อของหนูแข็งแกร่งมาตลอดมาก ซึ่งก่อนที่ท่านจะทรุดท่านเคยบอกกับแคทว่า ‘พ่อขอโทษหากสักวันหนึ่งพ่อไม่ไหว และพ่อต้องยอมแพ้ไปจริงๆ พ่อขอโทษแคทด้วยนะ’ แต่สำหรับแคท คุณพ่อสู้มาตลอด จนถึงวินาทีสุดท้ายพ่อก็ยังสู้ (ร้องไห้)”

ในคืนที่ท่านจะไปเรามีลางสังหรณ์อะไรเกิดขึ้นกับเราบ้างไหม ?
“ก็ตอนที่รถโดนล็อคล้อแคทก็รู้สึกว่ามันแปลกมากแล้ว แคทรู้สึกเหมือนท่านไม่อยากให้กลับ ก็เลยตัดสินใจไม่กลับ อยู่กับพ่อดีกว่า”

ก่อนหน้าที่ท่านจะจากไป อาการท่านทรุดขนาดไหน ?
“คุณพ่อไม่ตื่น 10วัน เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น หลับยาวหลับลึกไปเลย ซึ่งคุณหมอเองก็บอกว่าไม่แน่ใจว่าท่านจะตื่นหรือเปล่าเหมือนกัน แต่สำหรับแคท แคทก็คิดว่าพ่อยังสู้และสักวันที่พ่อพักจนอิ่มตัวท่านก็จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง”

ในช่วงเวลาที่ท่านหลับเราได้พูดคุยอะไรกับท่านบ้างไหม ?
“คุยทุกวันค่ะ แคทจะบอกท่านเสมอว่าไม่ว่าพ่อจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พ่อก็ยังจะเป็นฮีโร่ของลูกเสมอนะ และถ้าพ่อรู้สึกว่าพ่อไม่ไหวแล้วพ่อนอนเถอะ เพราะแคทเองก็ไม่อยากยื้อท่านไว้เพื่อทรมานท่าน เพราะการยื้อคือมันเพื่อใครกันแน่ เราหรือพ่อ (ร้องไห้) ก็เลยบอกให้ท่านพักเถอะ อีกอย่างแคททำใจเรื่องนี้มาปีกว่าแล้วค่ะ”

ท่านได้มีปฏิกิริยาอะไรกับเราไหมก่อนที่ท่านจะจากไป ?
“ตอนจากไปไม่มีแล้ว แต่ช่วงวันที่ 3 หลังจากที่ท่าหลับท่านก็บีบมือแล้วก็ยกมือให้รู้ว่าเขายังอยู่”

คิดว่าคุณพ่อยังห่วงเรายังห่วงครอบครัวเรื่องอะไรอีกไหม ?
“คิดว่าไม่แล้วนะคะ เพราะทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในครอบครัวเราจะดูแลกันอย่างดีท่านไม่ต้องเป็นห่วงอะไรต่อไปอีก”

นอกจากมะเร็งสมองแล้ว ยังมีอะไรอีกไหมที่ทำให้ท่านทรุด ?
“ลำไส้ทะลุค่ะ เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้นท่านก็ไม่ลุกจากที่นอนอีกเลย และก็ทรุดลงเรื่อย ๆ ต้องอยู่โรงพยาบาลยาว 6 เดือนเลยค่ะ”

ส่วนตัวเราหลังจากนี้ตั้งใจจะทำยังไงต่อไป ?
“แคทจะทำงานตรงนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะเป็นสิ่งที่พ่อภูมิใจ เวลาท่านได้เห็นเราทำงานตรงนี้ท่านมีความสุข (สะอื้น)”

คุณพ่อได้พูดหรือสั่งเสียอะไรกับเราไว้บ้างหรือเปล่า ?
“ก็มีในช่วงตอนที่ท่านยังโอเค ท่านบอกว่าถ้าเผาแล้วให้พาท่านกลับไปอังกฤษ ไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่นั่น (ร้องไห้)”

สำหรับพิธีการสวดอภิธรรมคุณพ่อจะมียังไงบ้าง ?
” 7 วันค่ะ สวดอภิธรรมไปจนถึงวันที่ 1 และเผาในวัน พุธ ที่ 2 เมษายน ค่ะ”

เพื่อนๆ ในวงการมีใครให้กำลังใจเราบ้าง ?
“เยอะแยะมากมายเลยค่ะ อย่างวันนี้น้องอีฟก็มา แต่บางคนที่มาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะแคทเข้าใจการทำงานของทุกคนดี”

ส่วนงานของเราตอนนี้ต้องพักไปเลยหรือเปล่า ?
“ใช่ค่ะ ต้องเบรคไปก่อน เพราะตอนนี้ไม่ไหวจริง ๆ”

สุดท้ายแล้วเรามีอะไรอยากจะฝากถึงทุกที่เป็นห่วงและให้กำลังใจเราบ้างไหม ?
“แคทขอบคุณกำลังใจจากทุก ๆ คน แฟน ๆ เพื่อน ๆ ญาติ ๆ รวมไปถึงพี่น้องสื่อมวลชน ที่เฝ้าตามแคทและให้กำลังใจแคทในอินสตาแกรมมาตลอด ขอบคุณ ขอบคุณจากใจจริง ๆ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”