ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (7 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.15 น. ที่รัฐสภา นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แจ้งต่อที่ประชุมสภาว่า ได้มีการเชิญเจ้าของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองและร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้ง 6 ฉบับ มาหารือในช่วงเช้า ก็ได้รับแจ้งว่าทุกคนยินยอมที่จะถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาฯ โดยเจ้าของร่าง พ.ร.บ.ทุกฉบับได้ลุกขึ้นเสนอญัตติขอถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ทุกฉบับออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาฯ โดยที่ประชุมมีมติ 310 ต่อ 1 เสียง ถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ทั้ง 6 ฉบับ ออกจากวาระการประชุมสภาฯ จากนั้นนายเจริญได้สั่งปิดการประชุม
ขณะที่เมื่อเวลา 14.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหมแถลงข่าวหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจุดมุ่งหมายต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลพวงการรัฐประหารเท่านั้น ข้อความต่างๆ ที่ได้รับการเผยแพร่ว่าช่วยเหลือคดีเรื่องทุจริตนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะคดีที่หลายคนกังวลคือเรื่องจำนำข้าว หรือแม้กระทั่งโครงการบริหารจัดการน้ำ และมีอีกข่าวลือหนึ่งที่ได้ยินกันว่า รัฐจะใช้ความรุนแรงหรือใช้กำลังทหารออกมาปราบปรามประชาชน เราเองอยู่ด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัย และเราก็อยากเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในประเทศไทย ดังนั้นการดูแลความมั่นคงในตอนนี้ใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด และยืนยันว่าไม่ได้มีการสั่งการทหารหรือกองทัพ เข้ามาช่วยเหลือหรือดูแลความมั่นคงเลยในเรื่องของการชุมนุมในครั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐจะไม่ใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชนเด็ดขาด ทุกอย่างจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ขอความกรุณาประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือต่างๆ กรุณารับฟังข้อมูลหลายๆ ด้าน และถ้าไม่จำเป็นอย่าไปใกล้บริเวณพื้นที่เสี่ยง เพราะอาจมีมือที่ 3 ซึ่งรัฐพยายามควบคุมดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมและพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา ในเมื่อวันนี้ทุกฝ่ายก็ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน สภาผู้แทนราษฎรก็มีมติถอนร่าง พ.ร.บ.ทุกฉบับออกหมดแล้ว อยากขอวิงวอนให้ประชาชนยุติการชุมนุมโปรดเชื่อในสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประกาศเจตนารมณ์ เราจะได้ร่วมกันในการเดินหน้า เพราะว่าประเทศไทยก็บอบช้ำมาเยอะแล้ว เราไม่อยากให้มีเหตุการณ์มาซ้ำเติม
รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง เราเคารพในเจตนารมณ์ของประชาชน เคารพในเสียงของประชาชนยืนยันว่าจะไม่นำ พ.ร.บ.นี้กลับมาพิจารณาโดยเด็ดขาด ในสถานการณ์การเมืองที่มีความวุ่นวายมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติ ในหลายประเทศก็เริ่มมีการเตือน ซึ่งเราก็เป็นห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้ชาวต่างชาติที่คิดจะลงทุนประเทศไทย ประเทศไทยเราจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนนั้นก็ไม่สามารถที่จะดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง การสร้างความเชื่อมั่นแม้กระทั่งนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาก็อาจจะไม่กล้ามา สุดท้ายก็มากระทบต่อผู้ประกอบการกระทบต่อนักธุรกิจ เหตุการณ์ต่างๆ เราสามารถแก้ไขด้วยการพูดคุยกัน ด้วยการยื่นข้อเสนอต่างๆ รัฐบาลก็พร้อมรับ ก็ไม่อยากเห็นการชุมนุมนี้ยืดเยื้อ ขอความกรุณา เราอยากเห็นความสงบนี้เกิดขึ้น
ยืนยันอีกครั้ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยกเลิกแล้ว รัฐบาลจะไม่ฟื้นความรู้สึกประชาชน รัฐบาลไม่ใช่ความรุนแรง และรัฐบาลจะไม่ทำอะไรให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทโดยเด็ดขาด