คุมกำเนิดแบบไหน ปลอดภัยที่สุด

สำหรับครอบครัวหนุ่มสาวยุคใหม่ที่ยังไม่พร้อมกับการมีลูก เพราะต้องการสร้างฐานะสักพักหนึ่งนั้น มีวิธีการคุมกำเนิดหลากหลายให้เลือกใช้เพื่อความเหมาะสมกับสภาพร่างกาย ลองพิจารณาถึงผลดีและผลข้างเคียงของวิธีการคุมกำเนิดต่างๆเหล่านี้ดู

1. วิธีการฝังฮอร์โมน ( Hormone Implant )

๐ คืออะไร เป็นการฝังแทงหรือแคปซูลเล็กๆของฮอร์โมนลงที่ใต้ผิวหนังช่วงแขนส่วนบน วิธีนี้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในเวลา 3 ปี
๐ ข้อดี เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดคือ เกือบ 100% และมีผลในระยะยาว เราไม่ต้องจำว่าจะต้องกินยาเมื่อไหร่หรือไม่ต้องระวังว่ามันจะวุ่นวายเวลาที่มีความสัมพันธ์ ทั้งยาที่ฝังไว้ใต้ผิวก็แทบจะมองไม่เห็นเลยด้วย
๐ ข้อเสีย อาจมีผลข้างเคียงเช่นเกิดอาการปวดศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน เป็นสิว น้ำหนักขึ้นและผมร่วงได้ รวมทั้งอาจมีผลกระทบกับรอบเดือนปกติด้วย
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 99.9%

2. การฉีดฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย ( Hormone Injection)

๐ คืออะไร ใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์โปรเจสเตอโรนฉีดเข้าสู่ร่างกายทุก 3 เดือน วิธีนี้เพื่อป้องกันการตกไข่และทำให้เกิดเมือกเหนียวข้นที่ปากมดลูก ทำให้สเปิร์มผ่านลำบากขึ้น
๐ ข้อดี เป็นวิธีที่เร็ว สะดวกและให้ผลในระยะยาว
๐ ข้อเสีย อาจทำให้รอบเดือนมาผิดปกติ ปวดศรีษะ น้ำหนักขึ้นและคลื่นไส้อาเจียนในบางราย
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 99.9 %

3. การติดแผ่นพลาสเตอร์ยาคุมกำเนิด ( Contraceptive Patch )

๐ คืออะไร เป็นพลาสเตอร์ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟที่จะแปะลงบนผิวที่บริเวณส่วนท้อง ส่วนหลัง ไหล่ แขนท่อนบน และที่ก้นหรือบั้นท้ายเพื่อให้ยาซืมผ่านสู่ผิว ยานี้มีโดสของฮอร์โมนแบบเดียวกับที่ใช้ในยาคุมกำเนิด เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้แพร่หลายและแผ่นพลาสเตอร์นี้ก็มีขายทั่วไปในต่างประเทศ
๐ ข้อดี เป็นวิธีง่ายๆและไม่วุ่นวาย ใช้แค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น แทนที่จะต้องบริโภคทุกวันเหมือนยาคุมกำเนิดธรรมดา
๐ ข้อเสีย มีผลข้างเคียงในระยะสั้นเช่น ทำให้คลื่นไส้อาเจียน หัวใจวายเฉียบพลันได้ในบางกรณีและโดยเฉพาะอาจเป็นโรคลมชักหากเราสูบบุหรี่เป็นประจำร่วมกับการใช้ยานี้และไม่เหมาะกับสตรีที่มีน้ำหนักตัวมากๆ
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 99 %

4. การบริโภคยาคุมกำเนิด ( Oral Contraceptive Pill )

๐ คืออะไร การบริโภคยาเม็ดเพื่อห้ามการตกไข่ หากบริโภคสม่ำเสมอ
๐ ข้อดี เดี๋ยวนี้ยาพวกนี้จะดีกว่ารุ่นก่อนๆ ตรงที่มีปริมาณฮอร์โมนในโดสที่ต่ำทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าเดิม บางชนิดก็ช่วยลดอาการบวมน้ำ อาการป่วยช่วงมีรอบเดือน และสามารถช่วยแก้ปัญหาสิวได้ด้วย
๐ ข้อเสีย มีสตรีบางคนพบว่า เกิดผลข้างเคียงเช่นมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ทรวงอกนุ่มเหลวลงกว่าเดิม มีเลือดออกผิดช่วงเวลาหรือระหว่างการมีรอบเดือนและน้ำหนักเปลี่ยนแปลงไป แต่อาการเหล่านี้มักเป็นในช่วงยา 3 แผงแรก จากนั้นร่างกายก็สามารถปรับตัวได้
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 90 %

5. การใส่ห่วงคุมกำเนิด ( Intrauterine Device IUD )

๐ คืออะไร เป็นการใส่วัตุคล้ายห่วงกลมๆเข้าไปทางช่องคลอดเพื่อขัดขวางการฝังตัวของไข่ที่ผนังมดลูก
๐ ข้อดี วิธีนี้จะอยู่ได้ประมาณ 3 ถึง 5 เดือนและช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีและเหมาะสมกับสตรีที่รอบเดือนมามากกว่าปกติ
๐ ข้อเสีย อาจมีรอบเดือนมากขึ้นและเป็นตะคริวในช่วงรอบเดือนเมื่อใส่ห่วงดังกล่าว แต่อาการนี้จะหายไปในระยะ 2 ถึง 3 เดือนหลังการใส่ วิธีนี้จะเพิ่มปริมาณรอบเดือนที่เคยมีให้มากขึ้นและยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายกว่าวิธีอื่นๆ
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 98 %

6. การใช้ถุงยางอนามัย ( Condoms )

๐ คืออะไร เป็นปลอกยางบางๆที่ใส่ครอบอวัยวะเพศชาย เพื่อเป็นตัวกั้นไม่ให้เสปิร์มและน้ำอสุจิผ่านเข้าไปทำกระบวนการปฎิสนธิในช่องคลอดของฝ่ายหญิงได้
๐ ข้อดี หากใช้ถูกวิธีก็ยังสามารถช่วงป้องกันโรค HIV และเชื้อโรคต่างๆที่เป็นโรคความเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วย แม้จะไม่ได้ผลด้วย 100 % แต่ก็เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและผลข้างเคียงน้อยที่สุด
๐ ข้อเสีย อาจเป็นไปได้ที่จะแพ้ยางหรือสารหล่อลื่นที่เป็นวัสดุที่ผลิตถุงยางนี้ บางคนก็รู้สึกว่าการใช้ทำให้ลดความสุขเรื่องเซ็กซ์ลงไป และหากใส่หรือถอดไม่ถูกวิธี ก็อาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เพราะมีการรั่วไหลเกิดขึ้น
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดีประมาณ 85 – 90 %

7. การบริโภคยาคุมฉุกเฉิน( Morning After Contraception )

๐ คืออะไร เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนในโดสที่สูงกว่าปกติเพื่อใช้ป้องกันการตกไข่ จะต้องบริโภคภายใน 72 ชม. หลังการมีเซ็กซ์และบริโภคซ้ำอีกครั้งหลังจากนั้น 12 ชม.
๐ ข้อดี ยานี้สามารถให้ผลการคุมกำเนิดได้ดีเยี่ยมถึง 100 % หากบริโภคภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
๐ ข้อเสีย ไม่สามารถบริโภคเป็นประจำทุกวันได้ เนื่องจากโดสของฮอร์โมนที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือเวียนศรีษะและอาเจียนได้
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 99.9 %

8. การคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ ( Rhythme/Natural Method )

๐ คืออะไร คือการหลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์ในช่วงระยะเวลาตกไข่ของผู้หญิง
๐ ข้อดี วิธีนี้ได้ผลดีประมาณ 70 – 80 % หากสตรีผู้นั้นมีรอบเดือนเป็นปกติและสม่ำเสมอ
๐ ข้อเสีย มีผลล้มเหลวค่อนข้างสูงเพราะส่วนใหญ่ของสตรีมักมีรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 60 %

9. การผ่าตัดทำหมันทั้งชายและหญิง ( Ligation & Vasectomy )

๐ คืออะไร เป็นการตัดท่อที่เป็นทางเดินของไข่ที่จะตกลงสู่มดลูกในสตรี และตัดเส้นทางของเชื้ออสุจิในผู้ชาย
๐ ข้อดี การผ่าตัดแบบนี้ทำง่ายๆและไม่เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพมากนัก ได้ผล 100 % ในการคุมกำเนิดเพราะจะไม่มีการตั้งครรภ์โดยสิ้นเชิง และไม่มีผลข้างเคียงใดๆด้วย
๐ ข้อเสีย เป็นวิธีการถาวร ไม่สามารถแก้ไขได้หากตัองการมีบุตรในภายหลัง
๐ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ได้ผลดี 99.9%