news

ตะลึง หนุ่มใหญ่วัย 56 ชาวนครพนมตายแล้วฟื้นปาฏิหาริย์ เผยก่อนเกิดเหตุมีอาการปวดหัวจนลูกสาวพาไป หาหมอที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุเลือดออกจากก้านสมอง สุดท้ายยื้อไม่ไหวหมดลมหายใจนาน 4 ชั่วโมง จนแพทย์ส่งศพกลับภูมิลำเนาเพื่อทำพิธีศพ แต่ไม่ยอมให้ฉีดฟอร์มาลิน เมื่อถึงบ้านกลับฟื้นขึ้นมา จนชาวบ้านแตกตื่น เปลี่ยนจากงานเศร้ามาเป็นงานฉลองรื่นเริงกันเต็มที่

เมื่อ วันที่ 3 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวจ.นครพนม รับแจ้งจากชาวบ้านในอ.ศรีสงคราม ว่า ขณะที่เตรียมจัดงานศพให้ญาติ เกิดเหตุคนตาย แล้วฟื้นคืนชีพ สร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวบ้านละแวกใกล้เคียง พากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ผู้สื่อข่าวจึง เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 6 บ้านภูกระแต หมู่ที่ 13 ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พบเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ติดพื้น พบญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านของนายกันหา จันใด อายุ 56 ปี ซึ่งถูกระบุว่าตายแล้วฟื้น กว่า 30 คน นั่งล้อมวง คุยกันและแสดงความยินดีกับเหตุปาฏิหาริย์ครั้งนี้

ขณะ ที่ข้างบ้านพบมีการกางเต็นท์ไว้ 3 หลัง เพื่อเตรียมจัดพิธีศพ รวมทั้งเต็นท์ของแม่ครัวที่มาช่วยกันทำอาหารเลี้ยงคนในงาน ในห้องกลางบ้านพบนายกันหา อาชีพทำนาและสวนยาง นอนหลับตาหายใจ มีผ้าห่มคลุมร่าง ลูกหลานคอยบีบนวดเท้าและขาคลายเส้น

สอบ ถามนางมี หอมหวน วัย 64 ปี กล่าวว่า นายกันหาผู้ฟื้นเป็นลูกเขย ก่อนหน้านี้เป็นโรคปวดศีรษะ นางนงศรี จันใด อายุ 50 ปี ภรรยา เห็นสามีปวดศีรษะอย่างรุนแรง จึงนำตัวส่งรักษาที่ร.พ.ศรีสงคราม เมื่อกลางดึก ของวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยแพทย์ระบุ ขาดเครื่องมือแพทย์ และไม่มียารักษา จึง นำส่งตัวรักษาต่อที่ร.พ.นครพนมในเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกัน

นางมีกล่าวอีกว่า แพทย์ที่ร.พ.นครพนม นำตัวนายกันหา เข้าห้องไอซียู ก่อนจะหยุดหายใจในเวลา 13.00-17.00 น. ของวันที่ 2 ธ.ค. นาน 4 ชั่วโมง ของวันที่ 2 ธ.ค. แพทย์จึงให้นำร่างนายกันหาที่หยุดหายใจแล้ว ส่งกลับไปบำเพ็ญกุศลประเพณีที่บ้านเกิด ญาติพี่น้องจึงนำร่างใส่รถ อปพร.นำส่งถึงภูมิลำเนาในเวลาต่อมา แต่ขณะหามลงรถ มีเสื่อปูร่าง นายกันหากลับฟื้นคืนชีพอย่างน่าปาฏิหาริย์ สร้างความตื่นเต้นดีอกดีใจให้กับญาติพี่น้อง

นางกิตตินันท์ กิติรัตนไพศาล อายุ 31 ปี บุตรสาวนายกันหา กล่าวด้วยความดีใจว่า บิดาป่วยและมีประวัติผ่าตัดสมองเมื่อปี 2533-2536 แพทย์ระบุเส้นเลือดอุดตัน เนื่องจาก ดื่มสุรา หลังเลิกดื่มมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ก่อนกลับมาดื่มสุรา 3-4 ปีให้หลัง บิดาบ่นปวดศีรษะ ก่อนพาไปหาหมอที่ จ.สกลนคร แพทย์ระบุไม่เป็นอะไร กระทั่งกลางดึกวันที่ 1 ธ.ค. ส่งตัวต่อรักษาที่ ร.พ.นครพนม แพทย์เจ้าของไข้ระบุเลือดออกกลางก้านสมอง ระบบภายในไม่รับรู้

นาง กิตตินันท์กล่าวว่า บิดาหยุดหายใจนาน 4 ชั่วโมง ชีพจรก็หยุดเต้น แพทย์ให้ญาติเซ็นใบยินยอมให้ถอดออกซิเจน จึงยอมถอดแต่มารดาไม่ยินยอมให้ฉีดฟอร์มาลินเด็ดขาด ขณะนำร่างที่หยุดหายใจเดินทางมาถึงอ.ท่าอุเทน จึงบอกญาติให้เตรียมรอรับศพ ได้แล้ว กระทั่งรถกระบะจอดหน้าบ้าน เพื่อนบ้านหามร่างลงจากรถ

“ช่วง ที่น้องชายคือนายอาทิตย์ จันใด ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ เพื่อไว้อาลัยพ่อ ก้มลงกอดร่างพ่อแล้วร้องเรียก พ่อก็กลับมาหายใจแล้วฟื้นคืนชีพอย่างน่าอัศจรรย์ ท่ามกลางความแปลกใจของเพื่อนบ้าน จนกระทั่งแม่ก็ตื่นเต้นดีใจจนเป็นลม ต้องหามส่งโรงพยาบาลนครพนมอีก” นางกิตตินันท์กล่าว

ด้านนาย อาทิตย์ ลูกชาย กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า ขณะนั่งรถถึงจ.นครราชสีมา พี่สาวโทรศัพท์บอกว่าบิดาเสียชีวิต กระทั่งมาถึงจ.สกลนคร กลับโทรศัพท์บอกว่าพ่อฟื้นคืนชีพ รุ่งเช้าจึงนำหมอมาวัดความดัน พบชีพจรเต้นปกติ แต่บิดายังไม่สามารถลืมตาและรับรู้อะไร อาจเป็นเพียงยื้อเวลาให้ วัน ข้างหน้าไม่รู้อาการบิดาจะเป็นอย่างไรแต่ ก็ทำใจแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เพื่อนบ้านที่แห่มาร่วมงานศพจำนวนมากกลับมาร่วมแสดงความยินดีแทน โดยเจ้าภาพจึงทำข้าวปลาอาหาร เป็นส้มตำ หมูทอด แกงหน่อไม้ส้ม พร้อมนำสุราขาวที่เตรียมไว้มาเลี้ยงฉลองแทน ขณะที่ญาติได้นำเงินจำนวนกว่า 1 หมื่นบาท ที่รวบรวมเก็บค่าศพส่งคืนให้ชาวบ้านทุกรายไปแล้ว