ecommerce-2301933_640

เชื่อเลยว่าการทำงานคือส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเราแทบทุกคน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ที่เรากำลังจะหยิบมาเล่าให้ฟังคุณฟังมีส่วนทำให้การทำงานของคุณนั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แถมไม่ว่าตอนนี้คุณจะทำงานอยู่ในสายอาชีพไหนก็ตามเทคนิคเหล่านี้จะสามารถนำไปปรับใช้กับไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างแน่นอน พฤติกรรมต้องห้ามเหล่านั้นจะมีอะไรบ้างมาเริ่มกำจัดทิ้งไปพร้อมกับเรากันเลยดีกว่า

สนใจสิ่งที่ไม่ใช่ผลลัพธ์ของงาน
ในบางครั้งการทำงานไปเรื่อย ๆ อาจทำให้คุณหลงทิศผิดทางกันไปบ้าง ทำให้สิ่งที่คุณมักจะเผลอก็คือการทำอะไรนอกลู่นอกทางจนทำให้เมื่อดึงสติกลับมาทบทวนดี ๆ แล้วมันอาจไม่ใช่ทางไปยังเป้าหมายหรือทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันมากขึ้นคือ คุณพยายามที่จะเคลียอีเมลเพื่อให้เป็น 0 อยู่ตลอดเวลา ซึ่งแม้จะทำให้ดูเป็นระเบียบ แต่มันกลับไม่ได้ทำให้งานตรงหน้าคุณคืบหน้าขึ้นเลย ดังนั้นเราอาจจะเก็บเรื่องนี้ไว้ทำตอนที่ว่างจริง ๆ แล้วเอาเวลาไปทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการกันดีกว่า

ยอมให้มีอะไรกวนใจตลอดเวลาการทำงาน
สภาพแวดล้อมในการทำงานถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานในแต่ละครั้งของคุณบรรลุเป้าหมายไปได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณดันยอมให้การแจ้งเตือนจากช่องทาง Social Media ต่าง ๆ มาดึงความสนใจ ยินยอมให้ผู้คนเข้ามาขัดจังหวะแทรกข้อมูลเข้ามาแทนที่แล้วมองว่านี่มันคือการทำงานแบบ Multitasking หรือมัวแต่จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบ ถ้าคุณยังทำอะไรแบบนี้อยู่ถือว่าเป็นการรบกวนการทำงานของตัวเองทั้งหมด

การแก้ไขปัญหานี้ได้ดีที่สุดคือการจัดลำดับความสำคัญและทำตามอย่างเคร่งครัด คุณสามารถตรวจสอบการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้เมื่อถึงเวลาพัก คุณสามารถพูดคุยงานหรือข้อมูลกับคนอื่น ๆ ได้เมื่อถึงช่วงงานที่กำหนดไว้เสร็จ และคุณยังสามารถจัดโต๊ะได้ในเวลาเลิกงานหรือช่วงที่เว้นว่างจริง ๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจัดลำดับและทำตามตารางให้ได้เท่านั้นเอง สำหรับใครที่ชอบเล่นเกมส์ได้เงินจริงเราขอแนะนำ m88 เว็บเดียวจบครบหมดทุกเกม

ทำงานจนไม่เหลือพลังงานไปทำอย่างอื่น
การทำงานหนักไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมาเสมอไป เพราะสุขภาพกายและใจของคุณต้องพลังงานถดถอยลงในเวลาอันรวดเร็วอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าคุณวางแผน จัดตาราง พร้อมทั้งทำตามสิ่งเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด แต่ดันไม่จัดเวลาพักผ่อนที่เหมาะสมให้กับตัวเองบอกเลยว่าคุณกำลังเดินทางผิดอย่างมหันต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วยการต้องเผชิญกับภาวะที่เรียกกว่า Brun Out รวมทั้งปัญหาสุขภาพต่าง ๆ นั่นเอง

วางเป้าหมายแต่ดันวางผิดทาง
ในหนึ่งวันคุณทำงานทั้งหมด 10 ชั่วโมง นั่นอาจเป็นผลพวงจากความผิดพลาดข้อที่แล้วที่เราพูดถึงกันไป เพราะคุณดันวางเป้าหมายผิดไปและทำตามมันจนสำเร็จ ในส่วนนี้เราขอแนะนำให้คุณแทนที่ด้วยการนำหลักของ Work Life Balance มาปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ

แทรกกิจกรรมผ่อนคลายที่มีประโยชน์กับตัวเองเข้าไปบ้างไม่ว่าจะเป็นการนั่งนิ่ง ๆ ฟังเพลงสัก 5 นาที การไปออกกำลังกาย แวะทานขนมที่ชอบ หรือโทรไปพูดคุยกับครอบครัว ทั้งหมดใช้เวลาไม่นาน แทรกได้ตามช่วงเวลาทำงานต่าง ๆ แถมยังเติมพลังให้กับคุณได้เป็นอย่างดี

ลดชั่วโมงการทำงานลงโดยทำงานทั้งหมดให้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่ากินเวลาชีวิตในการพักผ่อนและหาความสุขให้กับตัวเอง วางเป้าหมายกันใหม่แล้วเริ่มทำตามอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม ขอท้าเลยว่าคุณจะเจอกับความเบาสบายของการทำงานเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

คุณมัวแต่มองหาเวลามากเกินไป
เราอยากจะบอกว่าชีวิตของพวกเรานั้นออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นอย่ามัวแต่นั่งหาช่องว่างของเวลาเพื่อที่จะทำสิ่งต่าง ๆ แต่ให้พิจารณาถึงความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ แล้วเลือกมันเข้ามาไว้ในตารางเลย สุดท้ายแล้วคุณจะสามารถหาเวลาเพื่อที่จะทำมันได้เอง ซึ่งต้องมั่นใจก่อนอนุญาตให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาว่ามีประโยชน์กับผลลัพธ์ที่คุณต้องการจริง ๆ

สิ่งต้องห้ามในการทำงานเรียกได้ว่ามีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่กับความขยันและทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องเหลือเวลามาพิจารณา กลั่นกรอง และหมั่นปรับเปลี่ยนแผนในการดำเนินชีวิตอยู่เสมอ เราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรยึดติดกับแผนเดิม ๆ ที่ไม่ได้ผลเสียที การปรับเปลี่ยนอยู่เสมอไม่ได้ทำให้คุณดูเป็นคนไม่มั่นคงหรือโลเล แต่มันคือการปรับสมดุลเพื่อให้ชีวิตสามารถอยู่กับทุกสิ่งและทุกอย่างได้ลงตัวเสียมากกว่า

คุณมีความจำเป็นต้องพิจารณาในหลากหลายองค์ประกอบร่วมกัน โดยหากเกิดความไม่สมดุลขึ้นบ้างในบางจุดก็ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง คุณควรใจดีกับตัวเองแล้วหมั่นทำความเข้าใจตัวเองอยู่เสมอ จากนั้นค่อย ๆ ปรับเพิ่มลดสิ่งต่าง ๆ กันไป ซึ่งกรอบหลักในการช่วยให้คุณวางแผนทุกอย่างได้ลงตัวขึ้นก็คือ การคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ต้องการจากการทำงาน ความสำคัญของงานต่าง ๆ รายได้ สุขภาพ และความสัมพันธ์กับตัวเองกับคนรอบตัว นั่นเอง

พฤติกรรมต้องห้ามที่เราหยิบมาเล่าให้คุณฟังในวันนี้บอกเลยว่าสามารถที่จะปรับใช้ได้กับทุกอาชีพการทำงาน และอาจปรับไปได้ถึงการเรียนเสียด้วยซ้ำ ถือเป็นเทรนด์ที่ไม่มีวันตกยุคอย่างแน่นอน โดยเราขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับคนที่ได้เจอกับ Work Life Balance ที่ลงตัวในที่สุด